Thursday, February 12, 2009

หมอดู หมอดู และหมอดู

วันนี้ได้เห็นพาดหัวข่่าวหน้าหนึ่งของ The Wall Street Journal (15 ก.ย. 51 ) แล้วก็ค่อนข้างตกใจมากเพราะว่ายักษ์ใหญ่ทางการเงินของวอลล์สตรีททั้งสามแห่ง คือ, Merill Lynch และ AIG ต่างประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ราคาหุ้นโดยเฉพาะของ Lehman Brothers นับแต่ต้นปีนี้ตกลงมาถึง 94% ส่วนอีกสองบริษัทที่เหลือก็ไม่ได้ต่างกันมาก ลดลงมา 68 (ML) % และ 79% (AIG)

ปล. ไม่รู้ของ AIG นี่จะตกหนักว่านี้หรือเปล่านะครับ หลังจาก แมนยู แพ้ลิเวอร์พูลไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา :) นานๆ ได้เฮทีตามประสาแฟนหงส์ (AIG เป็นสปอนเซอร์ที่เสื้อแข่งของแมนยูฯ เป็นลางร้ายของบริษัทจริงๆ)
นับเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจมาก ไม่รู้ว่าจะสถานะทางการเงินที่ง่อนแง่นจากปัญหา Subprime Mortgage ของยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะส่งผลต่อเนื่องไปเพียงใด ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก ทั้งหน้าหนึ่งของ WSJ ก็มีแต่เรื่องเกี่ยวกับปัญหาการเงินของสหรัฐ แต่พอผมลองอ่านมาเรื่อยๆ จนถึงด้านล่าง ก็พบเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย

อ่านพาดหัวบรรทัดแรก “Political Turmoil in Thailand” ก็รู้สึกว่าสื่อต่างชาติให้ความสำคัญกับการเมืองในประเทศเรา อืมม ก็ดี แต่พออ่านลงมาบรรทัดที่สอง “Boosts Business of Astrologers” โอละพ่อล่ะที่นี้ และรูปประกอบก็ไม่ใช่ใครอื่น ไม่ใช่นักการเมือง สารพัด ส. ที่เป็น Candidate นายกรัฐมนตรีของไทยแต่อย่างใด แต่เป็นรูปของหมอดูชื่อดัง “ลักษณ์ เลขานิเทศ”

เนื้อหาในข่าวก็กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจหมอดูในประเทศไทยที่เติบโตรุ่งเรืองสวนทางกับความสงบสุขของประเทศ นับตั้งแต่มีการปฏิวัติจนถึงล่าสุดที่นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเพราะจัดรายการทำอาหารทางทีวี (ชิมไป บ่นไป) มีการกล่าวถึงประวัติหมอลักษณ์ว่าโด่งดังมาจากกรณีทำนายว่าดาราสาวชื่อดังท้อง (แหม่มเบนโล) ไปจนถึงการรวมตัวกันแต่งเสื้อสีเหลืองเพื่อต้านมนต์ดำเขมร (เอาเข้าไป และคิดว่าใครเป็นแหล่งข่าวเนี่ย) รวมถึงการที่บุคคลระดับสูงในประเทศเชื่อเรื่องหมอดูในการตัดสินใจต่างๆ จนถึงเรื่องที่หมอดูเก่งกาจ จงใจพระ เรียกร้องให้มีการกำกับดูแลธุรกิจประเภทนี้ เนื่องจากมันเกร่อขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งการทำนายดวงทางโทรศัพท์ และิอินเตอร์เนท

ผมเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีอคติต่ออาชีพหมอดู แม้ว่าหลายคนจะใช้หมอดูเป็นทีพึ่งทางใจ ยามที่ใจอ่อนแอ ซึ่งมันก็มีทั้งผลดีและผลเสีย ถ้าหมอแก้ดวงได้ก็บอกว่าตัวเองเก่ง แก้ไม่ได้ก็อ้างว่ากรรมเก่าของลูกค้า เรื่องนี้ผมก็ถือว่าเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคล ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเชื่อและทำตามที่ตัวเองเชื่อ

แต่ที่มันรำคาญใจทุกครั้งที่ผมอ่านข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ ที่หมอดูพวกนี้มักจะออกมาทำนายอะไรที่เกี่ยวกับประเทศชาติ และสาธารณะ ไอ้พวกที่ว่า จะเกิดภัยพิบัติเืดือนนั้นเืดือนนี้ บุคคลสำคัญจะเสียชีวิต จะมีการรัฐประหาร ไอ้พวกนี้เหมือนสักแต่ว่ามีปากก็พูดไป ไม่ได้ออกมารับผิดชอบเวลาที่ทายผิดพลาด แต่เวลาทายถูกขึ้นมาก็จะยกตนขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญของชาติ แสร่ดดด (ขอใช้ภาษาเด็กวัยรุ่่นหน่อย)

ผมได้อ่านบทความของคุณแทนไท ประเสริฐกุลที่เขียนในนิตยสาร A Day ฉบับหน้าปกคุณประภาส ชลศรานนท์ แล้วก็ถูกใจและตรงใจกับที่คิด พวกนี้ทาย 10 ถูก 1 ก็จะเอาที่ทายถูกเนี่ยมาโฆษณาไม่รู้จบ แต่พอทายผิดก็ปล่อยให้เงียบไปตามสายลม บางทีอ่านหนังสือพิมพ์ก็คิดว่าประเทศไทยเนี่ย ไ่ม่ต้องมีนักวิเคราะห์ นักวิทยาศาสตร์ หรือนักเศรษฐศาสตร์เลยก็ได้ หมอดูเนี่ย (แม่ม) ทายได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สภาวะทางการเมือง และสภาพเศรษฐกิจ

ส่วนตัวผมเองลึกๆ ก็ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน เรื่องของจิตวิญญาณ แต่ว่าชีวิตของเราที่ดำเนินไปทุกวัน ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่อยู่กับสิ่งที่อธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ วัดได้ สัมผัส และรับรู้ได้ ควรหรือที่เราควรจะให้หมอดูเป็นผู้กำหนดชีวิตหรือความเป็นไปในสังคมของเรา

ไม่รู้เหมือนกันว่า WSJ เลือกบทความนี้มาลงในหน้าหนึ่ง เพื่ออะไร อาจต้องการช่วยลดความเครียดของผู้อ่านจากสภาพเศรษฐกิจของอเมริกาจากบทความเบาๆ (สมอง) หรือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขความเครียดของชาวอเมริกัน แต่รู้อย่างเดียวว่าหมอลักษณ์แก Go inter แล้วล่ะ

----------------

มีอาจารย์ Finance เอาเนื้อความใน Fortune Cookie ที่ร้านอาหารจีนในอเมริกามักจะให้ลูกค้าเวลาเช็คบิลมาแปะไว้ที่บอร์ด และพิมพ์ข้อความประกอบแปะไว้ด้วยว่า "Call for Paper for the Conference on Behavioral Finance Inspired by Fortune Cookies" ... ข้อความในคุกกี้ก็คือ "No harm of putting all your eggs in one basket- if you look them closely"

(เขียนเมื่อ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๑)

No comments:

Post a Comment