Saturday, May 14, 2011

นิราศพิตส์เบอร์ก

ปล. ผมเขียนเรื่องนี้ตอนรอเครื่องบินกลับที่ LA ตอนปลายเดือนพฤษภาคม 2553 แต่ยังไม่จบดี และไม่มีโอกาสเอาลง Blog จนเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2554 ระหว่างรอเครื่องเพื่อบินไปปารีส ผมก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาและอยากเขียนให้มันจบ แต่ก็ยังไม่ได้เอาลง blog อยู่ดี จนมาเห็นโพสต์ของน้ำตาลในเฟซบุ๊คเมื่อสองสามวันก่อน (วันนี้วันที่ 14 พ.ค. 54) ก็เลยนึกขึ้นได้าต้องเอาลง blog เสียทีผ่านมาจะปีนึงแล้ว และไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้รับข่าวร้ายว่าอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์พึ่งจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 54 คิดว่าคงจะเขียนอะไรเพื่อระลึกถึงอาจารย์ซักอย่าง แต่คงรอให้ตั้งสติและตั้งใจให้เป็นปกติก่อน

----------------------------

------------------------------------

LA, 30 พฤษภาคม 2553 - ผมเขียนบทความนี้ขณะรอเครื่องบินขึ้นที่สนามบินแอลเอ เพื่อกลับประเทศไทยหลังจากเรียนจบและจัดการกับเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคืนห้องอพาร์ตเมนท์ ส่งของกลับเมืองไทย และร่ำลาเพื่อนๆ พี่ๆ และอาจารย์เรียบร้อยแล้ว

สนามบินแอลเอนับเป็นแผ่นดินอเมริกาที่แรกที่ได้เหยียบสำหรับการเดินทางเพื่อเรียนหนังสือเมื่อเกือบห้าปีก่อน เวลาผ่านไปแต่ก็ยังรู้สึกว่าเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เดือนที่แล้ว

สำหรับการตัดสินใจที่มาเรียนหนังสือนับเป็นการตัดสินใจที่คิดหนักอยู่พอสมควร เพราะว่าอายุในตอนนั้นก็ไม่ใช่น้อยแล้ว การงานก็ไปได้ด้วยดี กลับมาก็ไม่รู้อะไรจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่ไม่ว่าหลังจากนี้จะเป็นเช่นไรผมจะทำให้การตัดสินใจครั้งนั้นเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะการทำงานให้คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่รัฐบาลได้ลงไป เวลาที่ผมได้ใช้ไปเพื่อศึกษา และโอกาสต่างๆ ที่หายไปโดยเฉพาะการได้อยู่กับครอบครัว คนที่รัก และเพื่อนๆ (งานแต่งงานของเพื่อนๆ ในช่วงที่ผ่านมาเป็นสิบงาน ผมไม่มีโอกาสได้ไปร่วมสักครั้ง ซึ่งน่าเสียดายมาก)

เมื่อถึงวันเวลาที่ต้องกลับ สิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ในใจตลอดมาคือ รู้สึก “ขอบคุณ” อาจารย์ พี่ๆ และเพื่อนๆ ที่พิตส์เบอร์ก นับตั้งแต่วันแรกที่มาถึงพิตส์เบอร์ก คนที่มารับก็คือ พี่คิม และมาร์ช ซึ่งทั้งสองก็ช่วยผมเป็นอย่างมากสำรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และรู้สึกถึงมิตรภาพในสังคมที่นี่ ผมยังจำ

คำพูดของมาร์ชได้ว่า พอออกจากอุโมงค์ที่เชื่อมต่อไฮเวย์เพื่อเข้าไปในดาวน์ทาวน์พิตส์เบอร์ก ภาพของเมืองที่เห็นมันจะอลังการมาก ซึ่งในทุกๆ ครั้งที่ผมได้ผ่านอุโมงค์เพื่อทะลุไปดาวน์ทาวน์ผมก็ยังคงรู้สึกเช่นนั้นมาโดยตลอด

ตอนที่มาใหม่ๆ นั้นผมรู้สึกว่าการปรับตัวยากมาก คล้ายๆ ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในที่หนึ่งนานๆ มีรากที่ยาวและยึดติดกับที่ๆ หนึ่ง ถูกดึงถอนออกไปปลูกในที่ใหม่ๆ ดิน ลมฟ้าอากาศ แสงแดด ใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าได้ผ่านช่วงเวลาที่เหี่ยวเฉาและต้องใช้เวลานานพอสมควรในการหยั่งราก ฝากใบ ให้คุ้นเคยกับที่ใหม่ ซึ่งการผ่านช่วงปรับตัวและช่วงแย่ๆ มาได้นั้น ครอบครัว และเพื่อนๆ ที่พิตส์เบอร์ก มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ผมปรับตัวได้

การเริ่มต้นชีวิตใหม่ๆ นั้น มีอะไรที่ต้องเรียนรู้มากมาย บางอย่างนั้นเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่หลายๆ อย่างมาจากการช่วยเหลือของหลายๆ คน ที่ผมมีชีวิตในพิตส์เบอร์กได้อย่างราบรื่นนั้น ผมคิดว่าส่วนสำคัญส่วนหนึ่งมาจากคำแนะนำเล็กๆ ของทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นการหาบ้าน เปิดบัญชีธนาคาร แหล่งที่ควรหลีกเลี่ยงในเวลากลางคืน สถานที่ซื้อของ (ของกิน ของใช้ เครื่องปรุงอาหารไทย) ร้านอาหารอร่อยๆ และเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ที่ประกอบรวมจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่นี่

อยากขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน โดยมีหลายคนที่ขอขอบคุณเป็นการเฉพาะ

พี่คิม และมาร์ช ที่แนะนำอะไรหลายๆ อย่างนับตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอพารต์เมนท์ การเปิดบัญชีธนาคาร และพาไปกินอาหารมื้อแรกในพิตส์เบอร์ที่ร้านเจ๊โอเค (Orient Kitchen)

น้องฟอร์บส์ ที่เป็นน้องคนแรกที่รู้จักในงานเลี้ยงรวมกลุ่มของสยามที่เมืองไทย เป็นคนที่ช่วยประสานงานเรื่องที่พักในคราวแรกที่มาถึง

น้องเกดและน้องอาร์ม ที่เอื้อเฟื้อที่พักในช่วงเดือนแรกที่มาถึง และคำแนะนำหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์ในการเริ่มต้นชีวิตที่พิตส์เบอร์ก

พี่นนท์ สำหรับอพารต์เมนต์ที่เช่าต่อจากพี่ที่อยู่มาตลอดจนเรียนจบและสิ่งของเครื่องใช้หลายๆ อย่างที่ให้ไว้

ตูน พี่มอส และหนามเตย สำหรับคำแนะนำหลายๆ อย่าง การจัดทริปท่องเที่ยว อาหารอร่อยๆ (โต๊ะทำงานที่ได้จากตูนใช้งานมาเกือบตลอดห้าปีที่ผ่านมา พี่มอสร่วมเชียร์และร่วมบ่นลิเวอร์พูล หนามเตยที่จัดการหลายอย่างได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการรวมกลุ่มทานอาหารด้วยกัน งานวันเกิด และกิจกรรมของสยามหลายๆ อย่าง)

ปอม และส้ม ที่เป็นเพื่อนที่เข้ามาเรียนเอกในรุ่นเดียวกัน มาใหม่เหมือนกัน อยู่อพาร์ตเมนท์เดียวกัน เหมือนเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมที่เจอปัญหาต่างๆ คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะปอมจะเป็นแรงบันดาลใจมากในเรื่องความอึดในการเรียน

เค และปุ๊ก ที่เป็นน้องที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนเดียวกัน แต่อยู่คนละหลักสูตร เป็นน้องที่น่ารักมีน้ำใจ

เป้ เพื่อนอพาร์ตเมนท์เดียวกันที่ไม่เคยได้เจอหน้าเลยในปีแรกๆ ที่มาอยู่ เป็นเพื่อนที่แนะนำกิจกรรมหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะการชวนไปเตะบอลที่ทำให้รู้จักเพื่อน ใหม่ๆ หลายๆ คน เป็นเพื่อนวิ่ง และช่วยเหลือในหลายๆ เรื่อง

พี่หรี่และพี่ปุ้ย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ช่วยน้องๆ ในหลายเรื่อง และสำหรับการเอื้อเฟื้อสถานที่เพื่อการสังค์สรรในหลายๆ โอกาส และในเรื่องเตะบอล ผมรู้สึกว่าแค่เสื้อเจอร์ซีย์ที่พี่หรี่ซื้อทำให้ทีมฟุตบอลของเราดูมีระบบและมีความเป็นทีมมากขึ้น

พี่กร พี่ชายที่มีน้ำใจ ที่เป็นเพื่อนคุยเวลาผ่านไปเจอที่แกนั่งประจำที่สตาร์บัคส์ รวมถึงคำแนะนำเรื่องที่กินที่เที่ยว ต่างๆ และคำแนะนำในหลายๆ เรื่อง

ก่อ ที่ช่วยจัดการเรื่องการเตะบอลและจัดการสำหรับงานสังสรรค์หลายๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ ประสานงาน และเก็บเงิน

กอล์ฟ บอมบ์ และแป๊ะ ที่ชวนทำเรื่องสนุกๆ แบบที่เคยได้ทำกับเพื่อนที่เมืองไทย

พวก undergrad เช่น ปรี อาร์ม บู้ ขนุน ป้อง ที่ทำให้ได้ร่วมกิจกรรมที่หลากหลายที่ตอนเรียนปริญญาตรีไม่มีโอกาสได้ทำ

เพื่อนเตะบอลทุกคน ไม่ว่าจะเป็น พี่หรี่ พี่กร พี่ชาติ พี่นัท ปิง ก่อ ก้อง กอล์ฟ บอมบ์ เป้ โจ้ เอดี้ ปรี อาร์ม ขนุน บูบู้ ป้อง เนก หน่อไม้ แก๊ป มาร์ค อั้น ซัง สิ ยอด มี่ แป๊ะ เอก(ดำ) เอก(แคทซ์) เอ กริช อัธ ไก่ อาร์ท ชิน บิ๊ก ภาคย์ โป้ง นนท์ ฯลฯ ซึ่งหลายๆ คนแม้จะรู้จักได้ไม่นาน แต่ว่าคุ้นเคยกันได้เร็วก็เพราะเตะบอลด้วยกันนี่ล่ะ

เพื่อนๆ ที่ร่วมกิจกรรมสังสรรค์ด้วยกัน ทานข้าว และรวมถึงกิจกรรมของสยาม/พิตต์ พี่โอ๊ต พี่อ้อม น้ำตาล กบ อัคร เล็ก ลูกชุบ ไผ่ เอ อ้อมใจ วี ผึ้ง พี่ยง มิงค์ ออม พลอย อร แอนนี่ ป๋วย ฯลฯ

Marcel ที่สอนให้ผมรู้จักกับ MATLAB อย่างเข้าใจยิ่งขึ้น ยังจำได้ว่าการบ้านชิ้นแรกๆ ที่เพื่อนๆ หลายคนซึ่งใช้โปรแกรมนี้จนคุ้นเคยแล้วใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเขียน Code ทำจนเสร็จ แต่ผมใช้เวลาสองสามวันกว่าจะทำได้ Marcel นี่ล่ะ ที่ช่วยให้ผมเข้าใจหลักการและทำให้รอดตัวมาได้

Ozgun เพื่อนร่วมโปรแกรม Econ ที่ผ่านด่าน qualify มาได้พร้อมกันอย่างทุลักทุเล ที่มักชวนคุยเรื่องการเมืองโลก ซึ่งผมไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไหร่ทำให้ต้องเป็นผู้ฟังที่ดีมาโดยตลอด

Rick Green อาจารย์และเพื่อนในบริเวณออฟฟิสเดียวกัน ในปีแรกเข้ามาเรียนที่ Rick เป็น Head of the PhD Program ในตอนนั้นเป็นคนที่ผมคิดว่าโหดมากๆ และไม่ชอบหน้าเท่าไหร่ แต่ email ของ Rick ที่ส่งมาหลังจากในปีแรกที่ผมส่ง summer paper เป็นแรงกระตุ้นให้ฝ่าฟันจนเรียนจบมาได้ และเป็นคนที่ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจในการวิ่งที่ Schenley Park

ขอบคุณครับ